เมนู

Kaspersky ลบตัวเองและติดตั้ง UltraAV Antivirus โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า

วรเมธ บุญทศ |  20 กันยายน 256

ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (19 กันยายน 2024) บริษัท Kaspersky ซึ่งเป็นบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์จากรัสเซีย ได้ลบซอฟต์แวร์ป้องกันมัลแวร์ออกจากคอมพิวเตอร์ของลูกค้าในสหรัฐอเมริกาโดยอัตโนมัติ และติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส UltraAV แทน

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Kaspersky ตัดสินใจปิดกิจการในสหรัฐฯ และปลดพนักงานทั้งหมด เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่ม Kaspersky เข้าไปใน “Entity List” ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเป็นรายชื่อของบุคคล บริษัท หรือองค์กรต่างประเทศที่ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2024 รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีไบเดน ได้ประกาศแบนการขายและอัปเดตซอฟต์แวร์ Kaspersky ในสหรัฐฯ โดยคำสั่งนี้จะมีผลในวันที่ 29 กันยายน 2024 เนื่องจากมีความกังวลเรื่องความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติ

ในเดือนกรกฎาคม Kaspersky แจ้งกับสื่อ BleepingComputer ว่าจะเริ่มปิดกิจการในสหรัฐฯ และเลิกจ้างพนักงานทั้งหมดภายในวันที่ 20 กรกฎาคม 2024 เพื่อตอบสนองต่อคำสั่งแบน

ต้นเดือนกันยายน Kaspersky ส่งอีเมลถึงลูกค้า แจ้งว่าพวกเขาจะยังคงได้รับการป้องกันความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่องจาก UltraAV (บริษัทในเครือของ Pango Group) หลังจากที่ Kaspersky หยุดการขายและอัปเดตซอฟต์แวร์ในสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ในอีเมลไม่ได้แจ้งให้ลูกค้าทราบว่า Kaspersky จะลบซอฟต์แวร์ออกจากคอมพิวเตอร์ของพวกเขาโดยอัตโนมัติ และแทนที่ด้วย UltraAV โดยไม่ได้มีการเตือนล่วงหน้า

UltraAV ถูกติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ Kaspersky โดยไม่ได้รับอนุญาต

ตามรายงานจากผู้ใช้หลายรายทางออนไลน์ รวมถึงในฟอรัมของ BleepingComputer มีการเปิดเผยว่าซอฟต์แวร์ UltraAV ถูกติดตั้งบนคอมพิวเตอร์ของพวกเขาโดยไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้หลายคนกังวลว่าคอมพิวเตอร์ของตนอาจติดมัลแวร์

หนึ่งในผู้ใช้กล่าวว่า “ฉันตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีโปรแกรมแอนติไวรัสใหม่บนเดสก์ท็อป พยายามจะเปิด Kaspersky แต่ก็หายไปแล้ว ฉันเลยต้องค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคิดว่าคอมพิวเตอร์ของฉันอาจติดไวรัสจนทำให้ Kaspersky ถูกลบไป”

สถานการณ์ยิ่งแย่ลงเมื่อพบว่าผู้ใช้บางรายสามารถถอนการติดตั้ง UltraAV ได้ผ่านโปรแกรมถอนการติดตั้งปกติ แต่บางรายที่ใช้โปรแกรมถอนการติดตั้งจากแอปอื่นๆ กลับพบว่า UltraAV ถูกติดตั้งกลับมาใหม่หลังจากรีสตาร์ทเครื่อง ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของระบบ

นอกจากนี้ ยังมีผู้ใช้บางรายพบว่า UltraVPN ถูกติดตั้งด้วย ซึ่งน่าจะเกิดจากการที่พวกเขามีการสมัครใช้งานบริการ VPN ของ Kaspersky

ข้อมูลเกี่ยวกับ UltraAV มีไม่มากนัก นอกจากว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของ Pango Group ซึ่งเป็นเจ้าของหลายแบรนด์ VPN เช่น Hotspot Shield, UltraVPN และ Betternet รวมถึง Comparitech ซึ่งเป็นเว็บไซต์รีวิวซอฟต์แวร์ VPN

บนหน้าเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ UltraAV ที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงจาก Kaspersky ซอฟต์แวร์ระบุว่า “หากคุณเป็นลูกค้าที่จ่ายเงินให้ Kaspersky เมื่อ Kaspersky ยุติการให้บริการที่สหรัฐอเมริกาแล้ว การป้องกัน UltraAV จะเริ่มทำงานบนอุปกรณ์ของคุณ และคุณจะสามารถใช้ฟีเจอร์พรีเมียมเพิ่มเติมได้ทั้งหมด”

นอกจากนี้ UltraAV ยังเตือนอีกว่า “ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2024 Kaspersky จะไม่สามารถสนับสนุนหรืออัปเดตผลิตภัณฑ์ให้คุณได้อีกต่อไป ซึ่งจะทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกอาชญากรรมทางไซเบอร์มากขึ้น”

การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นสาเหตุของการเปลี่ยนไปใช้ UltraAV

พนักงาน Kaspersky ได้ออกแถลงการณ์อย่างเป็นทางการบนฟอรัมของบริษัท โดยอธิบายเหตุผลของการเปลี่ยนไปใช้ UltraAV ว่า “Kaspersky ได้ร่วมมือกับ UltraAV ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแอนติไวรัส เพื่อให้ลูกค้าในสหรัฐฯ ยังคงได้รับการป้องกันอย่างต่อเนื่อง หลังจากไม่สามารถใช้บริการของ Kaspersky ได้อีกต่อไป”

แถลงการณ์ยังระบุว่า “เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่น ลูกค้าในสหรัฐฯ ของ Kaspersky ได้รับการอัปเดตซอฟต์แวร์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2024 ซึ่งช่วยอำนวยความสะดวกในการเปลี่ยนไปใช้ UltraAV”

การอัปเดตนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้จะไม่ขาดการป้องกันเมื่อ Kaspersky ถอนตัวออกจากตลาดในสหรัฐฯ

ทาง Kaspersky ชี้ว่า UltraAV มีคุณสมบัติที่คล้ายกับซอฟต์แวร์ของตน และแนะนำให้ลูกค้าตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมได้จากหน้า FAQ บนเว็บไซต์ของ UltraAV หรือสอบถามทีมสนับสนุน

ขณะนี้ โฆษกของ Kaspersky ยังไม่สามารถให้ความคิดเห็นเพิ่มเติมได้เมื่อ BleepingComputer ติดต่อสอบถามในวันนี้

ข้อมูลอ้างอิง